1. เหตุผลและความจำเป็นของการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาโครงการอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่โครงการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาโครงการเกิดผลกระทบน้อยที่สุด การดำเนินงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจึงมีบทบาทสำคัญหรือมีส่วนช่วยลดผลกระทบดังกล่าว ซึ่งการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะดำเนินการศึกษาสภาพแวดล้อมในปัจจุบันและนำมาพิจารณาประกอบการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมการพัฒนาโครงการ ทั้งในระยะเตรียมการก่อสร้าง ระยะก่อสร้าง และระยะดำเนินการ โดยงานศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมจะดำเนินงานให้ครบถ้วนสอดคล้องตามแนวทางการศึกษาต่างๆ ดังนี้
1) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566
2) แนวทางการจัดทำรายงานฯ ประเภทโครงการทางหลวงหรือถนน และระบบทางพิเศษ ของกลุ่มงานคมนาคม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พ.ศ. 2567
3) แนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของโครงการทางหลวง (Guidelines for Preparation of Environmental Impact Statement of A Road Scheme) จัดทำโดยกลุ่มงานสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชน กรมทางหลวง ปรับปรุงครั้งที่ 9: พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
2. ข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อม
การตรวจสอบข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมเป็นการกลั่นกรองเพื่อทราบข้อจำกัดและเงื่อนไขทางด้านสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาโครงการ ซึ่งประกอบด้วยการตรวจสอบข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เช่น ผังเมืองรวม พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่อนุรักษ์ เขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าชายเลนแหล่งโบราณสถานและโบราณคดี รายละเอียดดังนี้
(1) การใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองรวม
ผลการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินเบื้องต้น ตามประกาศกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2556 บริเวณพื้นที่โครงการตั้งอยู่ในที่ดิน 3 ประเภท คือ บริเวณเขตสีเขียว หมายถึง ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม บริเวณเขตสีเม็ดมะปราง หมายถึง ที่ดินประเภทคลังสินค้า และบริเวณเขตสีเหลือง หมายถึง ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย แสดงดังรูปที่ 1 และเมื่อดำเนินการตรวจสอบข้อห้ามการใช้ประโยชน์ที่ดินตามประเภทข้างต้น พบว่า การพัฒนาโครงการเป็นการใช้ที่ดินเพื่อเป็นโครงข่ายคมนาคม ไม่ถูกระบุเป็นข้อห้ามต่อการใช้ประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาจะดำเนินการตรวจสอบกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการต่อไป
รูปที่ 1 ประกาศกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2556
(2) การใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณพื้นที่ศึกษาของโครงการ
ผลการสำรวจการใช้ประโยชน์ที่ดินจากข้อมูลกรมพัฒนาที่ดิน บริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการ พบว่า พื้นที่ศึกษาของโครงการส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม (รวมถึงพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ) รองลงมา คือ พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง และพื้นที่แหล่งน้ำ ตามลำดับ รายละเอียดแสดงดังตารางที่ 1 และรูปที่ 2
ลำดับ | ลักษณะการใช้ที่ดิน | พื้นที่ (ไร่) | ร้อยละ |
1 | พื้นที่เกษตรกรรม | 7,115.02 | 87.15 |
2 | พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง | 662.12 | 8.11 |
3 | พื้นที่แหล่งน้ำ | 309.52 | 3.79 |
4 | พื้นที่อุตสาหกรรม | 64.19 | 0.79 |
5 | พื้นที่อื่นๆ | 13.32 | 0.16 |
รวม | 8,164.17 | 100.00 |
ตารางที่ 1 การใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณพื้นที่ศึกษาของโครงการ
รูปที่ 2 การใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการ
(3) พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ
การตรวจสอบพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ จากฐานข้อมูลสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่า พื้นที่โครงการไม่ได้ตัดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่มีความสำคัญ โดยบริเวณพื้นที่โครงการทั้งหมด จัดอยู่ในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่ 5 แสดงดังรูปที่ 3 การใช้ประโยชน์ที่ดินโดยรอบเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชุมชน พื้นที่เกษตรกรรม (รวมถึงพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ)
รูปที่ 3 พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำบริเวณพื้นที่โครงการ
(4) พื้นที่ชุ่มน้ำ
พื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (แรมซาร์ไซต์) ภายใต้อนุสัญญาพื้นที่ชุ่มน้ำ (Convention on Wetlands) ซึ่งมีทั้งหมด 15 แห่ง ได้แก่ พรุควนขี้เสียน, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง, ดอนหอยหลอด, ปากแม่น้ำกระบี่, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (พรุโต๊ะแดง), อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง-ปากแม่น้ำตรัง, อุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์-ปากแม่น้ำกระบุรี, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา, อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด, เขตห้ามล่าสัตว์ป่ากุดทิง, เกาะกระ, หมู่เกาะระ-เกาะพระทอง และแม่น้ำสงครามตอนล่าง (ที่มา: สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2565)
ทั้งนี้ พื้นที่โครงการตั้งอยู่ที่สมุทรปราการ ไม่ได้จัดอยู่บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำดังกล่าวข้างต้น โดยพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศที่อยู่ใกล้พื้นที่โครงการมากที่สุด คือ ดอนหอยหลอด ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 95 กิโลเมตร โดยที่ปรึกษาจะดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ชุ่มน้ำต่อกรมทรัพยากรน้ำให้มีความชัดเจนครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป
(5) พื้นที่อนุรักษ์
ผลการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่อนุรักษ์บริเวณพื้นที่โครงการ พบว่า แนวเส้นทางโครงการไม่ตัดผ่านพื้นที่อนุรักษ์ที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศวิทยาทางบก ได้แก่ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า
(6) พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ผลการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จากฐานข้อมูลสารสนเทศป่าไม้ กรมป่าไม้ พบว่า พื้นที่ศึกษาของโครงการไม่อยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่ใกล้เคียงโครงการมากที่สุดคือ ป่าแควระบม และป่าสียัด อำเภอพนาสารคาม อำเภอสนามชัย กิ่งอำเภอแปลงยาว อำเภอบางคล้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งมีระยะห่างจากพื้นที่ศึกษาของโครงการประมาณ 70 กิโลเมตร
(7) พื้นที่ป่าชายเลน
ผลการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ป่าชายเลน จากศูนย์ข้อมูลภูมิสารสนเทศทางทะเลและชายฝั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่า พื้นที่ศึกษาโครงการไม่อยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน โดยพื้นที่ป่าชายเลนที่ใกล้เคียงโครงการมากที่สุดอยู่ทางด้านทิศใต้ของโครงการบริเวณตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ มีระยะห่างจากพื้นที่ศึกษาของโครงการประมาณ 20 กิโลเมตร
(8) แหล่งโบราณสถานและโบราณคดี
ผลการตรวจสอบข้อมูลด้านโบราณสถานและโบราณคดี ระบบภูมิศาสตร์ แหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ของกรมศิลปากร ในพื้นที่ศึกษาด้านโบราณคดีของโครงการในระยะ 1 กิโลเมตร แสดงดังรูปที่ 4
ไม่พบแหล่งโบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ภายในพื้นที่ศึกษาโครงการในระยะ 1 กิโลเมตร พบศาสนสถาน 2 แห่ง คือ วัดป่าสุขใจ (บางบ่อ) และวัดกาหลง มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตร และ 900 เมตร ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาจะดำเนินการยื่นตรวจสอบแหล่งโบราณสถานและโบราณคดีต่อสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี ต่อไป
รูปที่ 4 พื้นที่ศึกษาด้านโบราณคดีของโครงการ
(9) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 กำหนดให้ทางหลวงหรือถนน ซึ่งมีความหมายตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงที่ตัดผ่านพื้นที่รายละเอียดแสดงดังตารางที่ 2 ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการพัฒนาโครงการ ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า แนวเส้นทางโครงการเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลำดับที่ 19 เนื่องจากแนวเส้นทางโครงการตั้งอยู่บริเวณระบบทางพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการทางพิเศษ (โครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7)
ลำดับที่ | ประเภทโครงการหรือกิจการ | ผลการตรวจสอบ |
19 | ระบบทางพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการทางพิเศษ หรือโครงการที่มีลักษณะเช่นเดียวกับทางพิเศษ | เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการตั้งอยู่บริเวณโครงข่าย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 |
20 | ทางหลวงหรือถนน ซึ่งมีความหมายตามกฎหมายว่าด้วย ทางหลวง ที่ตัดผ่านพื้นที่ ดังต่อไปนี้ |
|
20.1 พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า |
ไม่เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการไม่ตัดผ่านพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามกฎหมาย ว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า |
|
20.2 พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ | ไม่เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการไม่ตัดผ่านพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ | |
20.3 พื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 2 | ไม่เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่ 5 |
|
20.4 พื้นที่ป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ | ไม่เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการไม่ตัดผ่านพื้นที่ ป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ |
|
20.5 พื้นที่ชายฝั่งทะเลในระยะ 50 เมตร ห่างจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุดตามปกติทางธรรมชาติ | ไม่เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการไม่ติดพื้นที่ชายฝั่งทะเล | |
20.6 พื้นที่ที่อยู่ในหรือใกล้พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศหรือแหล่งมรดกโลกที่ขึ้นบัญชีแหล่งมรดกโลกตามอนุสัญญาระหว่างประเทศในระยะทาง 2 กิโลเมตร | ไม่เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการในระยะ 2 กิโลเมตร ไม่พบพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศหรือแหล่งมรดกโลกที่ขึ้นบัญชีแหล่งมรดกโลกตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ |
|
20.7 พื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้โบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในระยะทาง 1 กิโลเมตร ยกเว้นถนนผังเมือง ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง | ไม่เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการในระยะ 1 กิโลเมตร ไม่พบแหล่งโบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ หรืออุทยานประวัติศาสตร์แต่อย่างใด |
|
33 | โครงการทุกประเภทที่อยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 | ไม่เข้าข่าย เนื่องจากพื้นที่โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่ 5 |
ที่มา : ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ
ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงาน
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566
ตารางที่ 2 ประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(10) พื้นที่อ่อนไหวทางด้านสิ่งแวดล้อม
ผลการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่อ่อนไหวต่อการได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการ ได้แก่ สถานศึกษา สถานพยาบาล ศาสนสถาน โดยทำการซ้อนทับแนวเส้นทางโครงการกับฐานระบบข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ พื้นที่ศึกษาโครงการ พบว่า มีพื้นที่อ่อนไหวที่คาดว่าจะได้รับจากการพัฒนาโครงการ จำนวน 13 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ชุมชนวัดป่าสุขใจ (บางบ่อ) และวัดกาหลง รายละเอียดแสดงดังตารางที่ 3 และรูปที่ 5
พื้นที่อ่อนไหว | ประเภท | พิกัด | ระยะห่าง(เมตร) | ||
X | Y | ||||
1 | หมู่ 13 บ้านบางพลี (1) | ชุมชน | 699609.0 | 1512136.0 | 216 |
2 | หมู่ 14 บ้านกลั่นหอม | ชุมชน | 699750.0 | 1512282.0 | 420 |
3 | หมู่ 13 บ้านบางพลี (2) | ชุมชน | 699312.0 | 1510902.0 | 900 |
4 | หมู่ 13 บ้านบางพลี (3) | ชุมชน | 700440.0 | 1511603.0 | 224 |
5 | หมู่ 13 บ้านบางพลี (4) | ชุมชน | 700389.0 | 1511268.0 | 75 |
6 | หมู่ 8 บ้านท่าข้าม | ชุมชน | 700460.0 | 1511205.0 | 75 |
7 | หมู่ 9 บ้านบางช้างตาย (1) | ชุมชน | 701411.0 | 1510579.0 | 100 |
8 | หมู่ 9 บ้านบางช้างตาย (2) | ชุมชน | 701712.0 | 1510573.0 | 56 |
9 | หมู่ 9 บ้านบางช้างตาย (3) | ชุมชน | 701715.0 | 1510439.0 | 58 |
10 | หมู่ 10 บ้านคลองลัด (1) | ชุมชน | 703077.2 | 1510184.65 | 462 |
11 | หมู่ 10 บ้านคลองลัด (2) | ชุมชน | 703459.75 | 1509533.16 | 90 |
12 | วัดป่าสุขใจ (บางบ่อ) | ศาสนสถาน | 700900.0 | 1511793.0 | 650 |
13 | วัดกาหลง | ศาสนสถาน | 701801.0 | 1511545.0 | 900 |
ตารางที่ 3 พื้นที่อ่อนไหวต่อการได้รับผลกระทบบริเวณพื้นที่โครงการ
รูปที่ 5 พื้นที่อ่อนไหวต่อการได้รับผลกระทบบริเวณพื้นที่โครงการ
(11) แหล่งน้ำผิวดิน
แหล่งน้ำธรรมชาติบริเวณพื้นที่ศึกษาของโครงการ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ คลองปากกระพัง คลองบางเชา คลองช้างตาย คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต (คลองเจ้า) และคลองกาหลง ปัจจุบันใช้ประโยชน์เพื่อการระบายน้ำ การสัญจรทางน้ำ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการอุปโภค รายละเอียดแหล่งน้ำธรรมชาติบริเวณพื้นที่ศึกษาของโครงการแสดงดังตารางที่ 4 และรูปที่ 6
ลำดับ | ลำน้ำ | กม. | ความกว้าง (เมตร) | การใช้ประโยชน์ |
1 | คลองปากกระพัง | 26+829 | 20 | การระบายน้ำ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การอุปโภค |
2 | คลองบางเชา | 27+303 | 20 | การระบายน้ำ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การอุปโภค |
3 | คลองช้างตาย | 28.541 | 20 | การระบายน้ำ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การอุปโภค |
4 | คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต (คลองเจ้า) | 28+773 | 50 | การระบายน้ำ การสัญจรทางน้ำ
เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การอุปโภค |
5 | คลองกาหลง | 30+879 | 30 | การระบายน้ำ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การอุปโภค |
ตารางที่ 4 แหล่งน้ำธรรมชาติบริเวณพื้นที่ศึกษาของโครงการ
รูปที่ 6 แหล่งน้ำธรรมชาติบริเวณพื้นที่ศึกษาของโครงการ
3. ขั้นตอนการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ
สามารถจำแนกงานศึกษาได้ 2 ขั้นตอน แสดงดังรูปที่ 7 รายละเอียดดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination ; IEE) ของแต่ละทางเลือกหรือรูปแบบ เพื่อนำประเด็นผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คาดว่ามีนัยสำคัญของแต่ละทางเลือกหรือรูปแบบ ใช้เป็นเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการเปรียบเทียบต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมขั้นรายละเอียด (Environmental Impact Assessment ; EIA) ของทางเลือกหรือรูปแบบโครงการที่ได้รับคัดเลือก โดยนำประเด็นสิ่งแวดล้อมที่มีนัยสำคัญจากผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ของทางเลือกหรือรูปแบบที่มีความเหมาะสม มาทำการศึกษา วิเคราะห์และประเมินผลกระทบเพิ่มเติมอย่างละเอียด พร้อมกำหนดมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ
รูปที่ 7 แนวทางการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ